เกี่ยวกับโครงการ
ค่ายอาสาค่ายนี้ พิเศษตรงที่ทางสมาคมได้รับการติดต่อจากเครือข่ายฮ่องกงและมาเก๊า เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดของนักเรียน นักศึกษา ซึ่งอยากจะมาหาประสบการณ์งานด้านอาสาในประเทศไทย มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การทำนา ประมง เกษตร และกิจกรรมกับเด็ก โดย เป้าหมายในระยะยาวของโครงการเกาะสุกร เพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้ของเด็ก เยาวชน และคนในพื้นที่เรียนรู้ทักษะชีวิตของชุมชนตนเอง วิถีชีวิตดั้งเดิม ทักษะด้านภาษาอังกฤษ การสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน และการเปิดโอกาสเรียนรู้โลกในยุคแห่งการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี ผ่านการมีส่วนร่วมของอาสาสมัครนานาชาติ อาสาสมัครไทย ซึ่งจะทำชาวบ้านในพื้นที่ ได้เปิดโลกทัศน์แห่งการเรียนรู้ได้กว้างขึ้น เพราะเราเชื่อว่า การศึกษา คือการเปิดโลกกว้างอย่างไม่มีที่สิ้นสุด การหันกลับมาศึกษาภูมิปัญญาที่มีอยู่คู่ชุมชนและวิถีชีวิตของคนในชุมชน เป็นการสร้างแรงบันดาลใจและการใฝ่รู้ เพื่อเป็นแรงผลักดันให้ผู้ที่เข้ามามีส่วนร่วม ได้พัฒนาทักษะการอยู่ร่วมกัน ท่ามกลางความหลากหลายและความเข้าใจกัน ได้อย่างลงตัว โดยการสร้างกระบวนการกิจกรรมกับเด็กและศึกษาวิถีชีวิตของชุมชนที่ทำให้ทุกคนได้มีโอกาสเรียนรู้ร่วมกัน
กิจกรรม
– เกี่ยวข้าว และเกษตรต่าง ๆ
– กิจกรรมกับเด็ก
– ภูมิปัญญาท้องถิ่น (การหาปู หาปลา หากุ้ง)
– วิถีชีวิตของชุมและบริบทชุมชน
สภาพทั่วไป
เกาะสุกรเป็นเกาะเล็กๆอยู่ฝั่งทะเลอันดามันในเขตอำเภอปะเหลียน ประกอบด้วย 4หมู่บ้านมีประชากรประมาณ 2,566 คน มีเนื้อที่ประมาณ 8,750ไร่ มีท่าเทียบเรือ 2 แห่งคือท่าเทียบเรือหาดทรายทองขึ้นฝั่งท่าตะเสะ อำเภอหาดสำราญและท่าเทียบเรือบ้านแหลมขึ้นฝั่งท่าข้าม อำเภอปะเหลียน สถานที่ราชการของเกาะสุกร มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 1 แห่ง โรงเรียนระดับประถมศึกษา 1 โรง โรงเรียนประถมศึกษาขยายโอกาส 1 โรง มัสยิด 3 หลัง สถานีอนามัย 1 แห่ง และป้อมตำรวจ 1 แห่ง ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม สภาพพื้นที่ของเกาะสุกรมีลักษณะเป็นที่ราบสลับภูเขาเตี้ยๆมีป่าชายเลนตามแนวชายฝั่งบ้างบางพื้นที่
การประกอบอาชีพส่วนใหญ่ของคนในพื้นที่ขึ้นอยู่สภาพ ดิน ฟ้า อากาศและฤดูกาล อาชีพหลักคือการทำประมง รองลงมาคืออาชีพเกษตรกรรมได้แก่ การทำสวนยางพารา การทำนา ปลูกพืชหมุนเวียน เช่น แตงโมง ข้าวโพด ผักต่างๆ โดยเฉพาะแตงโมงถือเป็นผลไม้ขึ้นชื่อของเกาะสุกรมีรสชาติอร่อย นอกจากนี้ยังมีการเลี้ยงสัตว์ เช่น ควาย วัว แพ และอาชีพรับจ้างทั่วไป
มีโรงเรียนประถม ซึ่งเป็นโรงเรียนรัฐบาล ตั้งอยู่ในหมู่บ้าน เปิดสอนในระดับชั้นอนุบาล 1 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และมีโรงเรียนขยายโอกาสตั้งอยู่ในชุมชน รวมทั้งยังมีภูมิปัญญาด้านการทำประมงพื้นบ้าน วิถีชีวิตและบริบทชุมชนทางการเกษตรที่เป็นต้นทุนทางทรัพยากรที่คงคุณค่าแก่การเรียนรู้และการอนุรักษ์ไว้สืบไป
นางสาวรัตนา ไชยมล หนึ่งในชาวบ้านชุมชนเกาะสุกรเชื่อว่าชุมชนและครอบครัวของเด็กและเยาวชน สามารถเป็นพื้นที่ให้เด็กๆได้เรียนรู้ทักษะชีวิต วีถีชีวิต และทุกกระบวนการเรียนรู้จากชุมชนทั้งวิถีชีวิตและบริบทชุมชนต้องเปิดโอกาสให้เด็กในพื้นที่เรียนรู้ทักษะทางด้านการสื่อสาร โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษาที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในอนาคตและที่สำคัญการสร้างจิตสำนึกในการรักษามรดก วิถีชีวิตของชุมชนเกาะสุกรไว้
ในช่วงเดือนรอมฎอน ชุมชนมุสลิมจะมีเทศกาลถือศีลอด ชาวบ้านจะไม่มีกิจกรรมในช่วงกลางวันมากนัก อาสาสมัครสามารถเรียนรู้วิถีชีวิตของมุสลิมในช่วงถือศีลอดได้ ในชุมชนมีร้านขายของชำ ที่อาสาสมัครสามารถหาซื้อของที่จำเป็นได้ สำหรับการซื้อของอื่นๆที่ไม่มีขายในชุมชน อาสาสมัครสามารถเข้าไปซื้อของ ติดต่อธนาคาร ใช้อินเตอร์เน็ต หรือติดต่อโรงพยาบาล ในตัวเมืองย่านตาขาวและตัวอำเภอเมืองตรัง โดยอาสาสมัครต้องติดต่อผู้ดูแลโครงการเพื่ออำนวยความสะดวกให้ กรณีที่ต้องออกไปในตัวเมือง
อาหาร
จะต้องทำอาหารด้วยตัวเอง สามารถออกทะเลไปหาอาหารกับชาวบ้านได้ หรือซื้ออาหารในร้านของหมู่บ้านได้เช่นกัน
ที่พัก
พักในโรงเรียน นอนในห้องเรียน (จัดเป็นที่โล่ง) ทุกคนต้องเตรียม ผ้าห่ม แผ่นรองนอน หมอน มุ้ง มาสำหรับตัวเอง
ซักผ้า
ซักผ้ากับมือ กรุณานำผงซักฟอกมาเอง
ห้องน้ำ
ใช้ห้องน้ำ ของโรงเรียน (ห้องน้ำและห้องส้วมอยู่ห้องเดียวกัน)
จุดนัดพบ
วันที่ 25 กรกฎาคม 2560 ณ สนามบินตรัง เวลา 11.00 น. ขอให้ผู้สมัครทุกคนมายังจุดนัดพบภายในเวลาดังกล่าวค่ะ
การเดินทาง
***การเดินทางจากกรุงเทพ มายังจุดนัดพบ
- ทางเครื่องบิน นั่งเครื่องจากดอนเมือง มาลงสนามบิน ตรัง
- ทางรถบัส นั่งรถบัส จากสายใต้ กรุงเทพ ตรัง ต่อสองแถว หรือรถตู้ไปสนามบิน
- ทางรถไฟ นั่งรถจากหัวลำโพง มาลงสถานี ตรัง ต่อรถตู้ไปสนามบินตรัง ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
***การเดินทางไปเกาะสุกร (เดินทางไปพร้อมผู้ประสานงานค่ายจากดาหลาค่ะ)
โดยสารรถตู้จากตรัง – อำเภอย่านตาขาว คนละ 30 บาท ค่าโดยสารรถสองแถวจากอำเภอย่านตาขาวไปท่าเรือตะเสะที่จะเดินทางไปเกาะสุกรคนละ 30 บาท (รถเที่ยวสุดท้ายประมาณบ่ายโมง) ค่าเรือโดยสารจากฝั่งไปเกาะคนละ 30 บาท (ถ้าเหมาเที่ยวละ 240 บาท) ค่ารถโดยสารบนเกาะจากท่าเรือถึงที่พักคนละ 40 บาท (ใช้เวลาเดินทางจากจุดนัดพบไปถึงเกาะ ประมาณ 1.5 ชั่วโมง)
คุณสมบัติของผู้ที่เหมาะสมในการเข้าร่วมโครงการนี้
– สามารถใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ทำงานในที่ที่มีอากาศร้อนได้
– ใจกว้าง พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และสามารถอยู่ร่วมกับคนอื่นได้
– มีความคิดสร้างสรรค์ และสนใจกิจกรรมต่างๆ
– ไม่ยึดติดกับโลกออนไลน์
จำนวนอาสาสมัครที่เปิดรับสมัคร
อาสาสมัครไทย 5 คน
การติดต่อสื่อสาร
สัญญาณโทรศัพท์ใช้ได้ทุกเครือข่าย
ภาษาที่ใช้
อังกฤษ ไทย จีน
เงื่อนไขการร่วมโครงการ
- ต้องเสียค่าบำรุงสมาคม 1,700 บาท ซึ่งจะนำมาเป็นค่าอาหารสำหรับผู้เข้าร่วม ค่าที่พัก ค่ากิจกรรมและค่าบำรุง ของสมาคม
- ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป และต้องแจ้งผู้ปกครองให้รับทราบก่อนเข้าร่วมโครงการ
- ผู้เข้าร่วมเป็นผู้รับผิดชอบดูแลความปลอดภัยของตนเอง
สิ่งที่ต้องเตรียมมาร่วมค่าย **กระเป๋าควรเป็นแบบเป้สะพายค่ะ
- ถุงนอน หรือผ้าห่ม หมอน มุ้ง (ทางค่ายจะไม่มีอุปกรณ์การนอนให้คะ)
- เสื้อผ้าสำหรับสวมใส่ 2 สัปดาห์ (ผู้หญิงเสื้อแขนกุด กางเกงขาสั้นเลยเข่าไม่ควรสวมใสระหว่างค่าย)
- เสื้อผ้าสำหรับใส่ทำงาน สามารถสกปรกได้ และไม่เสียดายทีหลังค่ะ
- อุปกรณ์กันแดด หมวกปีกกว้าง หมวกไอ้โม่ง ครีมกันแดด
- ถุงมือ และรองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าหุ้มส้น สำหรับทำงาน (กรณีแพ้ฝุ่นควรนำหน้ากากมาด้วย)
- รูปถ่าย หรืออาหารท้องถิ่นของตนเอง (สำหรับมาแลกเปลี่ยนกับผู้ร่วมค่ายคนอื่น ๆ)
- สเปรย์กันยุ่ง (กรุณาเลือกอันที่เป็นมิตรกับสิงแวดล้อม)
- ไฟฉาย
- ความคิดสร้างสรรค์ เกมส์ เพลง เพื่อความบันเทิงในค่าย
- ความคิดด้านบวก มองโลกในแง่ดี และรอยยิ้มที่สดใส
- เมล็ดพันธ์ผัก (ถ้ามี)
- ของส่วนตัวผู้เข้าร่วมต้องเตรียมเอง (ยาสระผม ผงซักฟอก แป้ง สบู่ )
สิ่งที่ห้ามนำมาในค่าย
- สารเสพติด
- แอลกอฮอล์
- อคติ หรือความคิดด้านลบ
- ดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ https://drive.google.com/file/d/0ByQQ4JcERbn-QVNYQnhwUFd2aFE/view
- ส่งใบไฟล์ใบสมัครมายัง e-mail : dalaa.thailand@gmail.com
- รอ e-mail ตอบรับเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ค่าใช้จ่าย : 1,700 บาท