ถอดความและเรียบเรียงจากบทนำเสนอ “การสร้างครูพันธุ์ใหม่ …หัวใจสำคัญของการศึกษาทางเลือก” โดย แม่แอ้ว’ รัชนี ธงไชย ครูใหญ่โรงเรียนหมู่บ้านเด็ก ในวาระ “สรุปบทเรียนครบรอบ 1 ปี อาสาสมัครครูอาสาเพื่อการศึกษาทางเลือก สู่ข้อเสนอการปฏิรูปการศึกษารอบ 2”ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 มิถุนายน 2553 ณ โรงเรียนรุ่งอรุณ เขตบางมด กรุงเทพฯ
แม่ แอ้ว เป็นครูสอนในระบบมา 11 ปี ก่อนมาเป็นครูทางเลือก จึงมีโอกาสคลุกคลีกับครู และเชื่อว่าครูเป็นหัวใจของการศึกษาทุกระบบ หากคิดว่าการเรียนคือการสอน เราจะเห็นว่าหากเด็กรักครูคนไหน เด็กจะเรียนดี หากเกลียดก็ไม่อยากเรียน มาดูว่าครูแบบไหนที่เด็กเกลียด ครูที่เป็นนักบงการ ใช้อำนาจ ตี เด็กจะเครียด กลัวและเกลียด ทำให้ไม่อยากเรียนรู้อะไรเลย แล้วทำไมครูชอบทำแบบนั้น ครูพันธุ์เก่าเชื่อว่าเด็กคือผ้าขาว เด็กคืออวิชชา ครูจึงทำตัวเป็นตำรวจคอยจับผิด เพราะฉะนั้นความเชื่อเบื้องหลังความคิด และการกระทำจึงสำคัญมาก
มา ถึงช่วงมีแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ครูสอนว่า “งานคือเงิน เงินคืองานบันดาลสุข, รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา” ทำให้เกิดทัศนคติการดูถูกคนจน แต่มันทำให้เราไม่เห็นโครงสร้างทางสังคม ส่วนแม่แอ้วได้มีโอกาสเป็นครูที่ลงพื้นที่อยู่กับคนด้อยโอกาส ทำให้เห็นความเหลื่อมล้ำระหว่างคนเมืองกับคนชนบท เห็นโครงสร้างที่กดขี่คนยากจน ซึ่งก่อนนั้น แม่แอ้วเคยเป็นครูในเมือง เป็นครูพันธุ์เก่าร้อยเปอร์เซ็นต์ พอมีโอกาสเป็นครูต่างจังหวัด ก็เกิดความรู้สึกไม่อยากเป็นข้าราชการ เลยลาออกมาคลุกคลีกับเด็ก เห็นความงาม เห็นจินตนาการ แม้แต่กับเด็กด้อยโอกาส เลยเริ่มสร้างครูพันธุ์ใหม่ เริ่มจากตัวเองก่อน วางไม้เรียว แล้วเด็กๆ เขาเรียกเราว่าแม่ มันเหมือนเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน
เด็ก ต่างจังหวัด เขาขาดมาตั้งแต่เกิด ความรักและการยอมรับเป็นหัวใจสำคัญ เราฟังแล้วช่วยกันดึงทุกข์ออกจากบ่า เด็กไม่ใช่ผ้าขาว มีหัวใจ มีสำนึก มีความคิด มีจินตนาการ หากความทุกข์อยู่ในหัว เขาก็จะปล่อยออกมา ดึงความทุกข์ออก แล้วเอาความสุขเข้าไปแทรก เราเชื่อว่าเขาเป็นคนดี เขาจะสัมพันธ์กับเราเพราะเชื่อว่าเราเป็นคนดี เป็นครูดี ในบทบาทครู เราต้องเรียกร้องตัวเองให้เป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีสำหรับเขา แต่คำว่าดี ก็อยู่ที่การตีความของแต่ละคน ส่วนครูที่ดี ต้องเป็นให้ได้ดังนี้
ครูเป็นนักบุญ บทบาท ที่เราทำ หากไม่ได้เอาเงินเป็นตัวชี้วัด การเป็นครูเป็นงานที่สำคัญ มีคุณค่ามาก ครูยิ่งใหญ่ เพราะเราสร้างคน และสร้างเด็กเพื่อสร้างสรรค์สังคม เริ่มจากการสร้างวิธีคิดที่ดี เป็นบวก มีสติ เท่ากับเป็นการทำงานที่ยิ่งใหญ่แล้ว เพราะคนสร้างทุกอย่าง การศึกษาสร้างคน ครูเป็นนักบุญ ต้องใช้สันติธรรม ให้สังคมเกิดสันติสุข
ครูทุกคนต้องเป็นนักวิทยาศาสตร์ ต้องค้นหาความจริง แล้วค่อยๆ แก้ปัญหา
ครูต้องเป็นนักบริการ เป็น คนรับใช้ เราต้องทำให้เด็กมีความสะดวก ให้เขาทำ เป็นกระบวนการเรียนรู้เพื่อการดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง ทำให้เด็กเกิดฉันทะ หากเขาอยากเรียน ปล่อยให้เขาเรียน หากเด็กประสบความสำเร็จจากเรื่องเล็กๆ เขาจะอยากเรียนรู้ไปเรื่อยๆ ต้องปล่อยให้เขาเรียน เด็กจะสนุก การเล่นจะเกิดกระบวนการเรียนรู้ เราเป็นครูต้องรับใช้ ให้เด็กหาในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ เราต้องรู้จักหยิบเรื่องชุมชนมาจัดการศึกษาให้เด็กเกิดฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา
ครูคือพรหม ต้องทำงานโดยใช้พรหมวิหาร 4 คือ เมตตา, กรุณา, มุทิตา, อุเบกขา, อุเบกขาหรือการปล่อยวาง เราต้องปล่อยวางอย่างมีเมตตา
ครูต้องเป็นนักวิจัย รู้จัก สังเกตเฝ้าดู หากเห็นว่าเด็กจัดการตัวเองได้ ให้เราอยู่ห่างๆ แต่เราต้องเปิดประตูทิ้งไว้เสมอ รอให้เขาเข้ามา เด็กแต่ละคนจะต่างกัน เราต้องมีข้อมูลของเด็กแต่ละคนอยู่ในหัว เราจะรู้ว่าเราจะสัมพันธ์กับเด็กแต่ละคนแบบไหน หากเป็นแบบนั้น เราจะสนุกกับการเป็นครูมาก และเราจะเห็นพลวัตของกลุ่มเด็ก มันจะเห็นทุกรส เป็นสังคมเด็กที่น่ารัก ครูต้องมองเด็กใหม่ เห็นชีวิตของคน เห็นตรงนี้เป็นการศึกษาของเรา ครูพันธุ์ใหม่ต้องเป็นครูที่มีชีวิต