ใครๆ ก็รู้ว่านอกห้องเรียนยังมีโลกกว้างให้เรียนรู้อีกมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าเยาวชนทุกคนจะพาตนเองก้าวพ้นขอบประตูห้องเรียนไปสัมผัสกับ ประสบการณ์ใหม่ๆ ได้ เช่นที่สาวน้อยอย่าง “ป๋อมแป๋ม” นางสาวสุทธิดา วงศ์กัลยา นักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนสันติราษฎร์วิทยาลัย และเพื่อนๆ ที่ได้เข้าไปสัมผัสความคิด จิตใจ ตลอดจนความทุกข์ร้อนที่ซุกซ่อนอยู่ในเบื้องลึกของพี่ๆ ผู้ป่วยทหารหาญ ผู้ทำหน้าที่เป็นรั้วของชาติในพื้นที่ความไม่สงบ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้…

ป๋อม แป๋ม เกริ่นนำว่า ตัวเธอเองเป็นคนร่าเริง เฮฮากับเพื่อน ง่ายๆ สบายๆ ไม่เรื่องมาก เป็นลูกสาวคนเดียวของพ่อแม่ในครอบครัวที่มีฐานะพอกินพอใช้ วันว่างจากการเรียนก็ใช้ชีวิตไปตามประสาวัยรุ่นทั่วไป เที่ยวห้าง -ดูหนังตามศูนย์การค้า โดยใฝ่ฝันว่าโตขึ้นอยากเป็นแอร์โฮสเตส ขณะ เดียวกันก็ชอบทำงานจิตอาสา เคยไปเข้าค่ายอาสาพยาบาลของโรงเรียน และชอบดูรายการจิตอาสาตามทีวีช่องต่างๆ เพราะดูแล้วมีความสุข เห็นว่ากิจกรรมจิตอาสาเป็นเรื่องที่น่าสนใจ และเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
 

อีกทั้งป๋อมแป๋มยังมีประสบการณ์ดูแลผู้ป่วยมาก่อนแล้วเมื่อครั้งที่ยายป่วย และป๋อมแป๋มยังมีน้ำใจเผื่อแผ่ขนมและอาหารแก่ผู้ป่วยสูงอายุเตียงข้างๆ หลายครั้งก็ช่วยพี่พยาบาลดูแลผู้ป่วยสูงอายุโดยไม่รังเกียจ

“ก่อน ยายจะเสีย แป๋มกับแม่จะผลัดกันไปดูแลยาย ยายกินเจมาตลอดชีวิต อาหารโรงพยาบาลบางอย่างไม่ถูกปาก ยายอยากกินน้ำพริก พยาบาลไม่ว่า แม่ก็ตำน้ำพริกมาให้ยาย เตียงข้างๆ ก็พูดออกมาว่าอยากกิน เราก็ว่าได้ เลยแบ่งให้เขาได้กินด้วย เพราะบางคนมาจากต่างจังหวัด ไม่มีลูกหลานมา เรามีน้ำพริกเขาอยากกินเราก็แบ่งให้ เราซื้ออะไรมากิน ก็จะถามเขาว่าอยากกินไหม เราก็จะถามนางพยาบาลว่าให้กินได้ไหม หากได้เราก็จะแบ่งให้เขาได้กินด้วย

“เมื่อ เราไปช่วยเหลือดูแลเขา เขาก็จะยิ้มให้แล้วบอกว่า หนูนี่ดีนะ ไม่เห็นเหมือนลูกหลานเขาเลย ถามว่าแม่บังคับมามั้ยเนี่ย ก็บอกว่าเปล่า ไม่ได้บังคับ หนูทำได้อยู่แล้ว”

สำหรับ กิจกรรมอาสาสมัครในโรงพยาบาล ที่มูลนิธิกระจกเงาชักชวนให้ป๋อมแป๋มและเพื่อนนักเรียนโรงเรียนสันตราษฎร์ฯ และโรงเรียนนำร่องอีก 3 แห่งทำใน โครงการพัฒนาศักยภาพแกนนำเยาวชนจิตอาสาในสถานศึกษา ภายใต้การสนับสนุนของมูลนิธิสยามกัมมาจล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เรียกได้ว่าเป็นกิจกรรมภาคสนามครั้งแรกที่ทำร่วมกับหน่วยงานภายนอก ซึ่งเปิดพื้นที่ให้เธอและเพื่อนๆ ได้ทำกิจกรรมช่วยเหลือดูแลผู้ป่วยเด็กเล็กในสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหา ราชินี (รพ.เด็ก) ไปแล้วก็ไปชวนน้องพูดคุย อ่านนิทาน และเล่นเกมกับน้องๆ เพื่อคลายเหงา

แต่ที่ป๋อมแป๋มประทับใจและกระตือรือร้นอยากทำกิจกรรมมาก คือการชวนพี่ๆ ผู้ป่วยทหารที่บาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ โรงพยาบาลมงกุฎเกล้า ทำกิจกรรม ซึ่งป๋อมแป๋มบอกว่าพวกเธอจะตั้งใจรอคอยวันที่พี่ๆ มูลนิธิกระจกเงาพาไปทำกิจกรรมทุกๆ สัปดาห์ เมื่อไปสัมผัสแล้วก็ทำให้ลบภาพพี่ๆ ทหารมาดเคร่งขรึม จนดูน่ากลัวออกไปจนหมด

“ที่ โรงพยาบาลพระมงกุฏฯ ไปหลายครั้งแล้ว เพราะนอกจากจะมีเวลาไปทำกิจกรรมได้สะดวกแล้ว พี่ๆ ทหาร เขาก็จะเฮฮากันมาก สนุกมาก พี่เขาไม่น่ากลัวอย่างที่คิด บางคนโดนระเบิดบาดเจ็บ เดินไม่ได้ก็เอาเหล็กดามขา แต่พี่เขาก็ยังยิ้มแย้มแจ่มใสได้ มีบ้างเหมือนกันที่ไปทีไรเขาก็จะนอนอย่างเดียว เพราะอาการป่วยของเขา บางคนก็อายุมากแล้ว” ป๋อมแป๋มว่า โดยอาการบาดเจ็บหลักๆ ของพี่ผู้ป่วยทหาร คือ การโดนระเบิด สารเคมี และบ้างก็ถูกยิง “เราก็ไปทำกิจกรรมกับ เขา เช่น การเล่นเกมบิงโก มีของรางวัลมาชิงกัน และการร้องเพลงคาราโอเกะ เอาโน๊ต -บุ๊คมาต่อกับโปรเจ็กเตอร์ ใช้กำแพงห้องทำกิจกรรมมาเป็นจอ ก็สนุกมาก”

ป๋อม แป๋ม อธิบายว่า เหตุผลที่เธอและเพื่อนเลือกทำกิจกรรมกับพี่ทหารบ่อยครั้ง เพราะรับรู้ได้ถึงความเหงาและความทุกข์ใจที่พี่ๆ ทหารได้รับ บางคนมีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัด จากครอบครัวเพื่อปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติ เมื่อได้รับบาดเจ็บก็ถูกส่งตัวมารักษาที่กรุงเทพฯ ไม่มีญาติมาเยี่ยม จะพูดระบายกับใครก็ไม่ได้ เพราะต่างก็ตกในสภาพที่ไม่ต่างกันนัก ยิ่งพูดก็เหมือนยิ่งตอกย้ำซึ่งกันและกันมากขึ้นไปอีก

     “พี่ ทหารเขารู้กันอยู่ เขาก็อึดอัด พูดก็พูดไม่ได้ แต่พอเราเป็นคนนอก เราเข้าไป เขาก็เล่าให้เราฟังได้ ที่ๆ ไปก็มีพี่ทหารประมาณ 20 เตียง ก็ไปทำกิจกรรมกับ พี่ๆ เขาเกือบทุกคน เวลาเราไปทำกิจกรรมก็ไปกันอย่างน้อย 7-8 คน หรือปกติก็ไปกันเป็นสิบ ก็มีพี่ๆ ที่กระจกเงาไปด้วย ไปทำกิจกรรมแล้วกลับมาก็มาชวนๆ เพื่อนให้ไปทำอีก”

สาว น้อยผู้นี้บอกด้วยว่า การทำกิจกรรมกับพี่ๆ ทหารยังทำให้ตัวเธอเข้าใจสถานการณ์ในพื้นที่ความไม่สงบ และรู้สึกเห็นอกเห็นใจพี่ๆ ผู้ป่วยทหารมากขึ้น “แต่ก่อน แป๋มก็เป็นคนติดตามข่าวอยู่แล้ว อาของแป๋มทำร้านอาหารที่หาดใหญ่ และเคยมีเหตุระเบิดใหญ่ใกล้กับร้านของอาแป๋มแต่ไม่เป็นข่าว พี่ๆ เขาก็ช่วยอธิบายว่ามันเป็นอย่างนั้นอย่างนี้นะ ให้เหตุผลว่าทำไม อย่างพี่ที่นี่คนนึงก็เพิ่งเจอเหตุการณ์มาเร็วๆ นี้ ก็รู้สึกแย่กับสิ่งที่พี่เขาเจอ ที่เขาเคยปฏิบัติงานมา

     “เคย ถามพี่เขาเหมือนกันว่านี่พี่กลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว พี่ไม่รู้สึกแย่เหรอ เราก็ถามเขาตรงๆ เพราะเขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว พี่เขาก็ถามกลับมาว่า ถ้า เป็นเราๆ จะรู้สึกยังไง ก็บอกว่าถ้าเป็นเราคงรู้สึกแย่นะ ที่มันไม่เหมือนเดิมแล้ว ถ้าพี่เขามีครอบครัวแล้วมันก็ยิ่งลำบาก บางเรื่องที่พี่เขาเล่า เราฟังแล้วก็สะเทือนใจมากว่าเขาจะมาทำอย่างนี้ทำไม ทหารเขาไม่เกี่ยวอะไรด้วย เขาแค่ปฏิบัติตามหน้าที่ของเขาเท่านั้นเอง” ป๋อมแป๋มเล่า

ทั้งนี้ การทำกิจกรรมดีๆ ของป๋อมแป๋มและเพื่อนคงเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากโรงเรียน และครอบครัวที่เข้าใจ อาจารย์จรรยา ธนะนิมิตร ผู้นำกิจกรรมดังกล่าวมาชักชวนลูกศิษย์ ยืนยันความเปลี่ยนแปลงของป๋อมแป๋มเมื่อได้ทำกิจกรรมว่า ลูกศิษย์คนนี้มีความพัฒนาการที่ดีขี้น “ป๋อมแป๋ม แต่เดิมดูเป็นเด็กที่เรื่อยเปื่อย แต่พอมาทำกิจกรรมแล้ว ทำให้เห็นแววว่าเขามีความเป็นผู้นำ ชักชวนเพื่อนๆ ทำกิจกรรมได้บ่อยๆ เขาลงพื้นที่บ่อยมาก ครูเองยังเห็นเขามีบุคลิกภาพดีขึ้น เพราะป๋อมแป๋มรู้แล้วว่าเขาจะต้องเป็นตัวอย่างให้แก่เพื่อนนักเรียน ครูเองเห็นพัฒนาการของเขา อยากเห็นเขาดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเขาก็กำลังพัฒนาให้ดีขึ้น”

ด้าน นายสมโภช คุณพ่อของป๋อมแป๋ม บอกว่า รู้สึกดีใจที่ลูกสาวคนเดียวของครอบครัวรู้จักการให้ และมีใจเผื่อแผ่แก่ผู้อื่น ที่สำคัญป๋อมแป๋มยังมีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น รู้จักการให้ที่มีเหตุมีผล รู้จักการประมาณตนในการช่วยเหลือ หยิบยื่นน้ำใจให้ผู้อื่นโดยไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน

“ผม ดีใจนะ คิดว่ามันเป็นกิจกรรมที่ดี พ่อมีเวลาเจอเขาไม่มาก เพราะต้องทำงานขับรถ แต่เขาก็เอามาเล่านิดๆ หน่อยๆ ว่าวันนี้ไปทำกิจกรรมกับพี่ทหารอย่างนั้นอย่างนี้มานะ เปลี่ยนแปลงเขาได้เยอะนะ เห็นความเห็นอกเห็นใจคนอื่น อยากหยิบยื่นของของเราให้คนอื่นบ้าง แต่ก็ทำอยู่ในขอบเขตที่ไม่ให้เราลำบาก ไม่ใช่ว่าสงสารเขามากก็ให้เขาจนเราเดือดร้อน น้องเขารู้ เขาเข้าใจ พ่อก็สบายใจ”

ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นในตัวของป๋อมแป๋มเอง เจ้าตัวกล่าวว่า สิ่งตอบแทนที่ได้รับจากกิจกรรมจิตอาสาใน รพ. คือความรู้สึกเป็นสุขใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พลอยทำให้รู้สึกรักและจะทำกิจกรรมนี้ต่อไป

ที่มา : มูลนิธิสยามกัมมาจล