บทสัมภาษณ์
คนที่มาทำงานอาสาสมัครร่วมด้วยช่วยกันเป็นใครมาจากไหนบ้าง และมาทำงานนี้ได้อย่างไร
ต้องไปดูที่จุดเริ่มต้นองเรา คือ สถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกันเริ่มจากการที่เราจะส่งเสริมคนทำความดี เป็นการเปิดเวทีทำความดีให้แก่คน โดยที่ใช้พื้นที่ของสื่อเป็นหลัก โดยเราจะชวนคนทุกคนมาทำความดีโดยไม่มีสินจ้างหรือรางวัล การทำอย่างนี้เป็นจุแรกที่ผู้บริหารของเราเห็นว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งเก็บขยะโดยคนอื่นเดินผ่านไป ไม่รู้สึกอะไร เมื่อ concept เป็นอย่างนี้แล้ว เราผลิตรายการที่ผู้ฟังมีความคิด ความรู้สึกร่วมกับเรา เช่น เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาเราก็พยายามนำเรื่องราวต่างๆ มาเปรียบเทียบ และให้คนที่ฟังเข้ามาช่วยเหลือ เรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ ไม่ใช่เรื่องที่เป็นละคร แต่เป็นเรื่องของละครชีวิตจริง ไม่ใช่ว่าเป็นการหยิบเรื่องขึ้นมา อย่างไปมีเรื่องขึ้นมา เรื่องของการถูกหลอก คนที่ขายของมือสองและถูกหลอกขึ้นมา มีวิธีการแก้ไขอย่างไร เรื่องราวทั้งหมดก็จะเป็นเรื่องราวต่อเนื่องภาคต่างๆ ผู้ฟังก็จะมีส่วนเข้ามาเกี่ยวข้อง

รายการมีการแบ่งเป็นส่วนๆ อย่างไรบ้าง

ทุกเรื่องตั้งแต่เกิดจนตาย แต่เราก็จะดำเนินเรื่องนี้ตั้งแต่ของหาย คนหาย เป็นหมวดแบบนี้ เพื่อเป็นการสะดวกในการบันทึกการทำงาน เวลาเราแบ่งอย่างนี้เรื่องงานจัดหมวดหมู่ง่ายขึ้น แต่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้น เราทำทุกเรื่อง

อาสาจะเข้ามาทำงานได้อย่างไร
ผู้ที่จะเข้ราร่วมกิจกรรมส่วนหนึ่งคือผู้ฟังคลื่นวิทยุ ฟังแล้วชวนเพื่อนมาร่วมกิจกรรม ชวนลูกชวนหลานมาช่วยทำ อีกส่วนหนึ่ง คือ พวกที่ทำงานอาสาใช้วิทยุ คือ ศูนย์วิทยุ คือ วิทยุภาคประชาชน ซึ่งเรามีการอบรมทุกเดือนให้ผู้ที่สนใจการใช้วิทยุสื่อสาร นั่นคือ เขาจะฟัง 2 อย่าง ฟังวิทยุสื่อสารด้วย ฟังทาง fm ด้วย คนส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนที่มีจิตที่จะช่วยเหลือคนในชุมชน โดยหลักแล้วก็จะเป็นคนเหล่านี้ กลางวันว่าง บางส่วนกลางคืนว่าง คนเหล่านี้ก็จะเข้าไปช่วยตามหมวดที่เราวางเอาไว้ เช่น ขอความช่วยเหลือรถเสีย เราก็ดูว่า คนเหล่านี้มีความสามารถเกี่ยวกับอะไรบ้าง เราก็จะเอาความรู้อบรมเรื่องช่างให้เขา เช่น ไปขอความช่วยเหลือเรื่องการจับงู ทำลายรังต่อ หรือดับเพลิง เหมือนเราจัดเวทีการอบรม เราก็จะเสริมความรู้ให้เขา การปฐมพยาบาลเบื้องต้น การจัดการอุบัติเหตุต่างๆ หรือแกระทั่งการคลอด สอนให้เขาเป็นการเบื้องต้น ให้เขาไปใช้เพื่อเป็นกรอบแจ้งเหตุมาก่อน แจ้งเรื่องราวเข้ามา ในขณะเดียวกัน เราจะเข้าไปช่วยเลยต้องผ่านการอบรมโดยตรง มีการรับรองโดยทีมงานราชการ มีการรับรองของส่วนแพทย์อาสา นี่ก็เป็นส่วนของการรับรอง

หมายความว่าอาสาที่มีวิทยุจะเน้นหลักในส่วนนี้ด้วย
เราฝึกอบรมกับเขาทุกเดือน อย่างดีก็เดือนเว้นเดือน จะมีการอบรมให้แก่อาสาของเรา การอบรมเราก็จะใช้หลักสูตรของความรู้ในการแจ้งเบาะแส การใช้วิทยุสื่อสาร คุณและโทษ เรื่องของการปฐมพยาบาลเบื้องต้น เรื่องการช่วยเหลือ ผู้นำชุมชนทุกแบบว่าควรทำอย่างไร แม้กระทั่งในการช่วยเหลือสัตว์ที่เป็นชีวิตเหมือนกัน

อาสาสมัครตอนนี้มีอยู่กี่ท่าน
เราเคยรวมไว้ประมาณ 2,000 กว่าคน ซึ่งการสื่อสารเราใช้อุปกรณ์สื่อสารที่เราสามารถร่วมงานด้วยกันได้ ทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล 5 จังหวัด ที่เฉพาะพื้นที่ที่วิทยุกระจายเสียงไปได้ ในภาคต่างจังหวัดเราก็จะมีคลื่นเหล่านี้ที่เราไปสร้างอยู่ แล้วมีพวกเราอยู่และคนเหล่านี้เขาทำงานช่วยเหลือสังคมโดยธรรมชาติอยู่แล้ว อีกส่วนหนึ่งก็เป็นอาสามูลนิธิอีกส่วนหนึ่งก็คือ ช่วยเหลือในชุมชนอยู่แล้วเมื่อเขามีช่องทางมีเวทีให้ เขาเล่น เมื่อเขาเล่นแล้ว เขาก็จะแจ้งเข้ามา ก็กลับกลายเป็นให้เขามีบทบาทในสังคมมากขึ้น และทำให้ตัวเวทีของเขาไม่ได้อยู่ในเฉพาะชุมชนของเขา และเป็นแบบอย่างให้แก่ชุมชนเขาด้วย

เห็นการเปลี่ยนแปลงในการทำงานของอาสาอย่างไรบ้าง
มันมีทั้งดีและไม่ดี คือทางด้านที่เขาเข้ามา เข้ามาโดยคึกคะนองก็มี เข้ามาโดยมีจิตที่จะช่วยเหลือโดยตรงก็มี คนที่มีจิตช่วยเหลือโดยตรงในอนาคตเขาก็จะเป็นผู้นำชุมชน ในบางส่วนจะอยู่ช่วยเหลือในชุมชน ส่วนที่คึกคะนอง วัยรุ่น หาพรรคพวก หาจุดเด่น พอถึงจุดหนึ่งแล้วเขาอาจลงตัวหาจุดที่จะช่วยจุดไหนที่เขาช่วยได้ เขาก็ทำต่อ ถ้าเขาช่วยไม่ได้ เขาจะไปทำตรงอื่น แต่เราก็ต้องมีเวทีให้เขาว่าทำตรงนี้ได้ไหม เพื่อไม่ให้เขาไปติดยาเสพติด ส่วนใหญ่ผู้ที่เข้ามาคือใจเขามาแล้ว เมื่อใจเขามาแล้วในส่วนลบก็จะมีน้อย แต่คือธรรมชาติของคนเหล่านี้ที่คึกคะนอง จะคิดว่าคืออภิสิทธิ์ คนเหล่านี้ในบางครั้งใช้รถก็ดีไม่ค่อยถูกกฎหมายเท่าไร ก็เคยเจอการพกพาวิทยุสื่อสาร พกพานี่ในกฎระเบียบมีอยู่แล้ว ไม่ติดสติ๊กเกอร์ก็ถูกจับ คือการกระทำความผิดโดยใช้วิทยุสื่อสารเถื่อน เราต้องอธิบายให้หมด การกระทำภารกิจ การกระทำโดยสังเขปเป็นบุคคล

แก้ไขปัญหาอย่างไรบ้าง
เราจะมีการประชุมทุกฐานอยู่แล้ว การประชุมทุกฐานแต่ละฐานเดือนละครั้ง และก็การประชุมหัวหน้าฐานที่อยู่ในชุมชนต่างๆ

แบ่งเขตอย่างไรบ้าง
แบ่งตามพื้นที่เขต 52 เขต กทม. 9 บก.น. ซึ่งเป็นพื้นที่ของ สน. ในขณะเดียวกัน 50 เขตก็มีมากกว่า 1 ฐานได้ เพราะพื้นที่มันกว้าง แต่การสื่อสารใช้แก่นของวิทยุสื่อสารกัน ครอบคลุมมีการประสานงานทั้งหมด คนเหล่านี้ก็จะทำงานทั้งหมด ในบางฐานก็อยู่ถึงเที่ยงคืน ในบางฐานก็กลับไปแล้วแต่

อาสาสมัครได้รับสวัสดิการอย่างไรบ้าง
ไม่มีเลย วิทยุร่วมด้วยช่วยกันเป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกันโดยหลัก เราถึงบอกว่าให้ช่วยเหลือในเฉพาะชุมชน เพราะคุณจะได้ไม่ออกนอกพื้นที่ กรุงเทพฯ มีเป็นพันชุมชน เรามีคน 2,000 กว่าคน แต่ละชุมชนมีอาสาอยู่เยอะ แต่ไม่ได้จับมาให้ร่วมด้วย

คิดว่าแรงบันดาลใจที่ทำให้อาสาทำงานมาจากอะไร
เขามีแม่แบบในชุมชน อาจจะเป็นผู้ใหญ่บ้าน เป็นผู้นำในพื้นที่ที่ทำเรื่องเหล่านี้ แรกๆ ก็อาจจะมาด้วยความคึกคะนอง แต่พอมาได้เรียนรู้ ได้สัมผัสเขาก็จะเรียนรู้ไปในตัว ถ้าผู้นำดีก็จะพาชุมชนไปได้ดีด้วย ผู้นำไม่ดีแน่นอนที่สุด น้ำมือไม่เท่ากัน อาจจะมีการแก่งแย่งในชุมชน อย่างนี้ก็จะท้อแท้ เราก็มีอย่างเดียว พอมีตรงไหนเราก็จะไปช่วยประชุม ร่วมประชุมกับเขาให้เขารู้ว่าอย่างน้อยร่วมด้วยช่วยกันก็ยังอยู่กับเขา และอาสาเหล่านั้นเราจะเชิญชวนมาอบรม มาฝึกให้

มีการเผยแพร่ผลงานของอาสาสมัครอย่างไรบ้าง
เราออกอากาศทุกวันทุกเวลา ทำแล้วเราก็ออกอากาศเลย เช่น มีการช่วยเหลือในการทำลายรังต่อ ช่วยเหลือผู้สูงอายุ ผู้พิการ ก็จะมีการรายงานผ่านทางสถานีอยู่แล้ว ผ่านทางสถานีและผ่านทางโทรทัศน์อยู่แล้ว มีการลงในเวปไซต์ด้วย และผมก็ได้เอาข้อมูลเหล่านี้เสนอต่อสำนักนายกฯ เป็นคนดีศรีสังคม และส่วนไหนที่ยังสนับสนุนได้ เราก็ส่งข้อมูลไปให้เขา

ประเมินผลงานของอาสาอย่างไรบ้าง
ไม่มีการประเมินผลงาน เพราะคนที่มาที่นี่มาด้วยจิตอาสาอยู่แล้ว แต่สิ่งที่จิตอาสาอย่างนี้ มันก็มีคนไม่ดีมีแทรกเข้ามา เวลาทำอยู่ก็มีคนช่วยเหลืออยู่ และมีคนแอบอ้างไปเที่ยวรับเงิน เมื่อเรารู้จากการแจ้งเข้ามาเราจะเรียกเข้ามา ครั้งที่ 1 เราก็จะตักเตือนเขาว่า ถ้าคุณไม่มีจิตอาสาจิตใจที่ช่วยเหลือคนหวังผลประโยชน์ก็จะทำตรงนี้ไม่ได้ มีเยอะไม่ใช่ไม่เยอะ มูลนิธิต่างๆ ที่ตีกันก็เพราะเรื่องนี้ มันเป็นส่วนของการใช้ระบบของการตลาดก็เลยทำให้มีปัญหา ทั้งๆ ที่เริ่มแรกมาจากการที่มีจิตใจช่วยเหลือคน

มีมุมมองต่องานอาสาสมัครของไทยในปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร
เราคงมองไปไม่ได้ทั้งหมดหรอก เพราะเราไม่ได้มีวุฒิภาวะพอ แต่ในฐานะคนที่เหล่าที่ทำงานร่วมกับเรา 1. เขาจะต้องมีสถานที่ฝึกอบรมที่มีมาตรฐานเป็นระดับชาติ เขามีอุปกรณ์ที่จะเข้าไปช่วยเหลือคนโดยอุปกรณ์เหล่านี้เขาต้องจัดหาเอง แต่ถ้ามีหน่วยงานหรือสำนักงานเขตต่างๆ เขาจัดไว้เพื่อที่จะรองรับ คนเหล่านี้เป็นกำลังสำคัญของชุมชน แต่ขณะนี้เขาขาดอุปกรณ์ การพัฒนาศักยภาพบุคคลเพราะคนเหล่านี้มีจิตใจช่วยแต่ว่าเขารออบรมจากหน่วย งานราชการว่าจะพาไปอบรมหรือเปล่า ไม่มีแล้วก็มาฝึกกับเรา เราอบรมให้ฝึกพื้นฐานและถ้าเขาจะพัฒนาต่อไปเขาต้องเสียเงินเอง นี่คือปัญหาของเขา เมื่อจะมาอาสาแล้วต้องเสียเงินเอง ควักเงินของตัวเอง อุปกรณ์ต่างๆ ที่ควรจะมีใช้เขาต้องซื้อเอง เป็นปัญหาเขา ในขณะเดียวกัน บางครั้งเข้าไปช่วยเหลืองานกระทั่งบาดเจ็บ เสียชีวิต คนเหล่านี้เมื่อเสียชีวิตแล้ว ไม่ค่อยได้รับการดูแล เพราะไม่ได้เป็นข้าราชการ เป็นอาสาเป็นคนธรรมดา เราทำได้คือ เราทำการรวบรวมเงินผ่านทางสถานีช่วยเขาเป็นครั้งๆ บางครั้งก็จะส่งรายชื่อเขาไปทางกระทรวงยุติธรรมเพื่อได้เงินช่วยเหลือบาง ส่วนเข้ามา นี่คือสิ่งที่เราเจอ แต่ภาครัฐก็ไม่ได้มอง และสิ่งหนึ่งคือ เขาจะถูกครอบครัวไม่เห็นด้วย คือ เขาออกมาทำงานเพื่อส่วนรวม เขาจะแย่งงานไม่ถูก หารายได้ให้กับครอบครัวเขาน้อยลงก็เลยทำให้เกิดความท้อแท้ของคน มันก็เลยมองว่ามีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาสอดแทรก ให้ชุมชนเหล่านี้ถ้าลองดูการเติบโตจากผู้นำที่ดีคอยดูแลช่วยเหลือชุมชน มีอะไรก็จะใช้ในพื้นที่ชุมชน 1 ชุมชนจะมีสัก 100 – 200 หลักคาเรือน จะไปบริหารอย่างนั้นได้ เพราะว่าอะไร เพราะพื้นที่กว้าง คุณก็จะเจอปัญหาเรื่องค่าเดินทาง ค่าเดินทางก็จะเป็นปัจจัยให้คิดให้คำนวณถ้าเกิดว่าอยู่ในพื้นที่ในชุมชน เหมือนกันในหมู่บ้าน ในหมู่บ้านมีสัก 100 หลังคาเรือนก็ช่วยกันบริหาร เขาก็จะมีส่วนที่จะดูแล จะมี อสม. ในกรุงเทพฯ ก็จะช่วยได้ดี ในต่างจังหวัดถ้ามี อสม. อสม. คือ การบริหารโดยมีภาครัฐช่วย

เว็บไซด์ :  www.rd1677.com