อันจิตคน วนเวียน แปรเปลี่ยนได้
ดุจน้ำไหล ไม่ซื่อตรง ในคงที่
เดี๋ยวกลายร่าง พรางพร่า ทุกนาที
แลชั่วดี อัปรีย์ มีปะปน
ใจระทม ซมเพราะรัก นั้นหนักหนา
ใจอ่อนล้า บ้าเพราะโกรธ โคตรสับสน
ใจมืดบอด จอดเพราะหลง คงอับจน
ใจวกวน ทนเพราะทุกข์ ทุกคนเป็น
จิตยึดเหนี่ยว เกี่ยวอัตตา พาคนทุกข์
กิเลสรุก บุกกระชาก ลำบากเข็น
เหมือนหินถ่วง หน่วงจิต คิดลำเค็ญ
โอ้! ยากเย็น เกิดเป็นคน พ้นทุกข์ทน
มา “สวนโมกข์” เพื่อโขกสับ ดับกิเลส
มองเห็นเหตุ เจตนา พาฉงน
ถึงสวนโมกข์ โลกหมุนทวน ชวนแยบยล
ธรรมช่วยดล จนพบพาน จิตด้านใน
“ธารน้ำไหล” ใสเย็น กระเซ็นสาย
ชโลมกาย คลายร้อน ผ่อนนิสัย
ชำระใจ ให้เกลี้ยง เลี่ยงอาลัย
รู้อภัย ปล่อยใจว่าง วางให้เป็น
ถ้ากายว่าง ใจไม่วาง ใช่ว่างหรือ?
ตนยังถือ มือยังกำ ธรรมไม่เห็น
ถ้าวางได้ ใจสว่าง คือว่างเป็น
สุขนี้เย็น เช่นนิพพาน สำราญเอย
นายสิทธิพงษ์ ติยเวศย์
อาสาไปพบธรรม
25 กันยายน 2550
สวนโมกข์ฯ สุราษฏร์ธานี