เลิกเหล้าได้..เพราะได้บ้าน
“ผมดีใจที่ได้บ้านหลังใหม่ครับ..และดีใจยิ่งกว่านั้นที่เห็นแม่เลิกเหล้าได้เพราะบ้านหลังนี้”
น้ำเสียงแห่งความตื้นตันใจของ ดช.เกียรติศักดิ์  สมประกอบ หรือ น้องบุ๋ม อายุ 13 ปี ชั้น ม.1 โรงเรียนบางคูวัด จ.ปทุมธานี ซึ่งกำลังจะย้ายเข้าไปอยู่บ้านหลังใหม่ที่ได้รับการช่วยเหลือผ่านทางมูลนิธิ ที่อยู่อาศัยสร้างให้แทนหลังเดิมที่ได้รับความเสียหายจากเหตุอุทกภัยเมื่อ ปลายปี 2554 ที่ผ่านมา บ่งบอกถึงความดีใจอย่างที่สุดในชีวิตที่ได้ทั้งบ้านหลังใหม่ที่แข็งแรงและ ได้แม่ที่เขารักกลับคืนหลังจากที่ต้องทนเห็นแม่อยู่ในสภาพเมามาย ไม่ได้สติแทบจะทุกวันเป็นเวลานานนับสิบปี
บ้านหลังเก่าของบุ๋มนั้นเป็นเหมือนเพิงไม้มุงด้วยหลังคาสังกะสีเก่า ขนาดเล็ก ตั้งอยู่ริมคลอง บริเวณใกล้สะพานข้ามคลองระบายน้ำในหมู่ 11 ของชุมชนบางคูวัด จ.ปทุมธานี ครอบครัวของบุ๋มอาศัยน้ำจากในคลองแห่งนี้สำหรับใช้อาบน้ำ ซักผ้า ล้างจานและทำความสะอาดบ้านมาตั้งแต่บุ๋มจำความได้  พื้นที่ประมาณ 30 กว่าตารางเมตรในบ้านหลังนี้แม้จะมีขนาดเล็กแต่สามารถใช้ประโยชน์ได้สารพัด ตั้งแต่ใช้พักผ่อน หลับนอน ทำอาหาร ทำการบ้าน เก็บของหรือแม้แต่ใช้รับแขก
ฐานะทางการเงินที่จัดว่าอยู่ในสภาพค่อนข้างยากจน พอเลี้ยงชีพไปวันๆ รายได้หลักมาจากนายสมภาร บิดาของบุ๋มซึ่งมีอาชีพรับจ้างเป็น รปภ. ค่าจ้างต่อเดือนเพียงไม่กี่พันบาท รวมกับรายได้จากการรับจ้างทั่วไปของนางไพรัฐ หรือเป้า มารดาซึ่งหาได้บ้าง ไม่ได้บ้างขึ้นอยู่กับว่ามีใครมาจ้างหรือไม่ ทำให้บุ๋มต้องตั้งใจเรียนอย่างดีเพื่อให้ได้ทุนการศึกษาในแต่ละเทอมเพื่อจะ ได้แบ่งเบาภาระของครอบครัว รวมทั้งใฝ่ผันที่จะเรียนให้สูงๆ เพื่อโตขึ้นจะหาเงินมาจุนเจือครอบครัวดูแลพ่อในวัยใกล้เกษียณที่ป่วยเป็น ความดันสูง และแม่ติดเหล้าจนป่วยเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง
“รู้ว่าตัวเองจน ก็ตั้งใจเรียนให้สูงๆ” เป็นคำพูดที่ทำให้ทราบถึงต้นเหตุของการเป็นเด็กขยัน ตั้งใจเรียนและไม่เกเรของบุ๋ม ซึ่งต่างจากผลการศึกษาที่เราคงเคยได้ยินกันว่า หากคนในครอบครัวติดเหล้า ลูกหลานจะมีโอกาสติดเหล้าและอาจส่งผลต่อการเรียนหรือความประพฤติของเด็กใน วัยหัวเลี้ยวหัวต่อไปได้
แต่สำหรับบุ๋ม ยิ่งได้เห็นแม่มีสภาพเมามาย ไม่ได้สติมากเท่าไร ยิ่งทำให้บุ๋มต้องตั้งใจเรียนและหาทางช่วยให้แม่เลิกเหล้าได้เร็วที่สุดเท่า ที่จะทำได้ แม้ว่าตนจะพยายามขอร้องให้แม่เลิกเหล้าหลายต่อหลายครั้ง แต่ความพยายามของมารดาที่ตั้งใจจะเลิกเหล้าให้สำเร็จก็ยังไม่เกิดขึ้นจริง ได้สักครั้ง  จบท้ายด้วยอาการลงแดงและหันไปดื่มเหล้าเหมือนเดิม  บุ๋มเฝ้ารอคอยด้วยความหวังว่า สักวันหนึ่ง แม่จะต้องเลิกติดเหล้าให้ได้
“ผมเคยเอาเหล้าไปซ่อน หรือไม่ก็เอาน้ำผสมให้เหล้าเจือจาง เพื่อให้แม่ดื่มน้อยลง แต่กลายเป็นว่าแม่ต้องซื้อมาดื่มมากขึ้น” บุ๋มเล่าถึงความพยายามของตนที่จะให้แม่เลิกเหล้าเพราะรักและสงสารแม่
“ทุกครั้งที่แม่เมาไม่ได้สติ แม่มักจะใช้ถ้อยคำที่รุนแรง และห้ามไม่ให้ผมออกไปข้างนอก บางทีผมทนไม่ไหว เหม็นเหล้า ก็ออกไปเล่นกับเพื่อนบ้าง ไม่อยากอยู่บ้านต้องทนเห็นแม่ในสภาพเช่นนี้หรอกครับ” บุ๋มกล่าวเสริมถึงความรู้สึกที่ไม่ดีเมื่อเห็นแม่ในสภาพดังกล่าว
เหมือนกับความทุกข์จะถาโถมเข้ามาในครอบครัวอีกครั้ง เมื่อบ้านหลังเล็กในสภาพที่ทรุดโทรมอยู่แล้วต้องจมมิดใต้น้องน้ำที่เข้าท่วม ครั้งใหญ่เมื่อปลายปี 2554  ไม่มีครอบครัวไหนในบางคูวัดคาดคิดมาก่อนว่าปริมาณน้ำที่เข้ามาจะมหาศาลและ สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนของตนได้เช่นนี้
 “ตอนที่น้ำท่วมบ้าน แม่ผมยังเมาอยู่เลยครับ พ่อต้องรีบอุ้มแม่ขึ้นมาอยู่บนที่สูง ไม่ทันได้ขนของอะไรออกมาเพราะต้องรีบหนีเอาชีวิตรอดก่อน พ่อพาผมกับแม่ไปอาศัยบนศาลาวัดบางคูวัดอยู่เป็นเดือนๆ กว่าน้ำจะลด” บุ๋มเล่าถึงเหตุการณ์ในช่วงที่น้ำเข้าท่วมพื้นที่บางคูวัดจนบ้านของเขาจมมิด อยู่ใต้น้ำภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
“แม่กลับมาดูบ้านอีกครั้งแทบจะร้องไห้เพราะฝาบ้านและหลังคาสังหายไปกับ น้ำ  เหลือแต่โครงบ้าน พวกเราต้องอาศัยนอนใต้ต้นมะขาม นำผ้าใบมาทำเป็นเพิงใช้อยู่ชั่วคราวประมาณเดือนกว่าก่อนทีพ่อจะหาเศษไม้และ สังกะสีมาซ่อมบ้านให้พออยู่ได้เหมือนเดิม” บุ๋มยังได้เล่าให้เราฟังถึงสภาพบ้านหลังจากน้ำลดพร้อมกับพูดติดตลกว่า “บางคืน ผมนอนๆ อยู่กลางบ้าน ตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกลิ้งไปติดเพดานอีกฝั่งหนึ่งเพราะพื้นบ้านเอียง ดีว่ามีฝากั้นบ้านไว้ ไม่อย่างนั้นคงกลิ้งตกคลอง”
การหาทางปลูกบ้านหลังใหม่แทนหลังเดิมที่ทรุดโทรมนั้น เป็นไปได้ยากยิ่งสำหรับครอบครัวของบุ๋มที่ไม่มีเงินเหลือเก็บ แต่แล้ว สิ่งที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ก็เกิดขึ้นจริง เมื่อพ่อของบุ๋มติดต่อทำเรื่องขอมีบ้านกับมูลนิธิที่อยู่อาศัย
“พ่อผมได้ยินข่าวว่า มูลนิธิที่อยู่อาศัยเคยเข้ามาช่วยสร้างบ้านให้ครอบครัวที่เดือดร้อนและมี ฐานะยากจนในตำบลบางคูวัด จึงไปขอยื่นเรื่องดูบ้าง” บุ๋มเปิดเผยถึงที่มาของการได้บ้านหลังใหม่พร้อมกับเล่าให้ฟังต่อว่า
“ตอนแรก ก็ไม่คิดว่าจะได้ แต่หลังจากนั้นไม่นานมีเจ้าหน้าที่เข้ามาดูบ้านหลังเดิมและบอกกับพ่อว่าจะ ได้บ้าน ผมกับแม่ก็ตื่นเต้นกันมากๆ ครับ พวกเราได้แต่เฝ้านับวันรอว่าเมื่อไรจะได้มีบ้านเหมือนกับคนอื่นเสียที”
ตามหลักการคัดเลือกครอบครัวของผู้ประสบอุทกภัยที่จะได้รับความช่วย เหลือจากมูลนิธิที่อยู่อาศัยในการสร้างบ้านหลังใหม่ให้นั้น ส่วนหนึ่งกำหนดว่าครอบครัวที่จะได้รับมอบบ้านจะต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเสพ ติด ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ทุกคนในครอบครัวเกรงว่าอาจจะพลาดสิทธิการได้รับ ความช่วยเหลือดังกล่าว เหตุเพราะนางเป้ามีอาการติดเหล้าอย่างเรื้อรัง
“ฉันก็อยากจะเลิกเพราะเห็นแก่ลูก พยายามมาหลายครั้งแต่ก็เลิกได้ไม่กี่วันต้องหันไปดื่มอีก รู้สึกท้อเหมือนกัน” นางเป้าเล่าถึงความรู้สึกก่อนที่ตนจะเลิกเหล้าได้สำเร็จ และได้เล่าให้ฟังต่อถึงมูลเหตุของการตัดสินใจเลิกพร้อมกับอาการที่เกิดขึ้น ในช่วงของการ “หักดิบ” ว่า “ฉันตัดสินใจว่าครั้งนี้จะต้องเลิกให้ได้จริงๆ เสียที เพราะอยากได้บ้านให้ลูก ก็เลยขังตัวเองอยู่ในบ้านไม่ไปไหน 4 วัน พยายามนอนอย่างเดียว ไม่กินอะไร เพราะกินแล้วจะอาเจียน วันแรกๆ ทรมานมาก มือสั่น ใจสั่น หงุดหงิด พยายามกินน้ำมากๆ เป็นอย่างนี้ 2-3 วัน จนวันที่ 5 รู้สึกมั่นใจว่าสามารถไม่กินเหล้าได้แล้ว จึงออกจากบ้าน”
สำหรับบุ๋มแล้ว การได้บ้านนั้นถือเป็นของขวัญชิ้นใหญ่ที่สุดในชีวิตที่เขารอคอยมานานหลายปี แต่ที่ยิ่งกว่านั้นคือการที่แม่ของเขาสามารถเลิกเหล้าได้สำเร็จเพราะบ้าน หลังนี้ นับเป็นของขวัญที่พิเศษที่ทำให้เขาดีใจมากที่สุดในชีวิต
“ผมก็คิดไม่ถึงเหมือนกันครับว่าแม่จะเลิกเหล้าได้จริงๆ ปกติจะต้องใช้ผมปั่นจักรยานไปซื้อเหล้าให้ วันละประมาณ 80 บาท แต่หลังจากที่แม่เลิกเหล้าได้แล้วก็ไม่เคยใช้ผมไปซื้อเหล้าอีกเลย ไม่ได้กลิ่นเหล้าติดตัวแม่เหมือนก่อน  เป็นสิ่งที่ผมดีใจที่สุดไม่แพ้กับการได้บ้านหลังใหม่เลยครับ” บุ๋มเล่าให้เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิที่อยู่อาศัยฟังหลังจากเห็นความเปลี่ยน แปลงครั้งใหญ่ในชีวิตของแม่
ปัจจุบัน บ้านของบุ๋มใกล้จะเสร็จแล้ว เขาเฝ้านับวันที่จะได้ย้ายเข้าไปอยู่บ้านหลังใหม่ที่เขารอคอยมานานว่าเมื่อ ไรจะมีบ้านที่มั่นคงแข็งแรงเหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆ  ความฝันของบุ๋มในครั้งนี้อาจเป็นฝันที่เลือนลางหากไม่ได้รับความช่วยเหลือ จากมูลนิธิที่อยู่อาศัยซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการสร้าง บ้านจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ในโครงการ “บ้าน ธอส. เพื่อผู้ประสบอุทกภัย” หนึ่งในกิจกรรมเพื่อการรับผิดชอบต่อสังคมที่สามารถสานฝัน นำความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่พร้อมกับอนาคตที่สดใสให้กับครอบครัวของบุ๋มและ ครอบครัวอื่นๆ ที่ได้รับความเดือดร้อนด้านที่อยู่อาศัย
คุณสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับมูลนิธิที่อยู่อาศัยในการทำให้ฝันของ เด็กหลายๆ คนเกิดขึ้นจริงได้เหมือนที่เกิดขึ้นกับบุ๋มด้วยการบริจาคได้ที่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาอโศกทาวเวอร์ส บัญชีออมทรัพย์
ในชื่อ “มูลนิธิที่อยู่อาศัยเพื่อมนุษยชาติ ประเทศไทย”
เลขที่ 234-2-03753-7
มูลนิธิที่อยู่อาศัยเป็นองค์การสาธารณกุศล ลำดับที่ 622   ตามประกาศกระทรวงการคลัง เงินบริจาคสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : อาคาร 253 อโศก ชั้น 12 เลขที่ 253 ถนนสุขุมวิท 21 (อโศก) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110 โทร. 0 2664 0644
อีเมล habitat@habitatthailand.org  www.habitatthailand.org  www.facebook.com/h4hthailand
ภาพเพิ่มเติม
https://plus.google.com/u/0/photos/114351917239850481122/albums/5810566742442718673
ชมเรื่องราวบน youtube :  http://www.youtube.com/watch?v=Eb2lXAAmNB0
===============================================
รูป 1  บ้านไม้หลังเก่าของบุ๋มซึ่งถูกน้ำท่วมเมื่อปลายปี 2554
รูป 2 บุ๋มกับคุณแม่
รูป 3 สภาพบ้านที่ฝาผนังผุพังจากน้ำท่วมเมื่อปลายปี 2554 ที่ผ่านมา
รูป 4 บ้านหลังใหม่ของบุ๋ม มั่นคงและแข็งแรงกว่าหลังเดิมมากเพราะโครงสร้างบ้านและหลังคาทำจากเหล็ก ฝาผนังทำจากวีว่าบอร์ด  สูงจากพื้นกว่า 2.5 เมตร ไม่ต้องกลัวพังหากน้ำมาอีก
รูป 5 บุ๋มกับคุณแม่พร้อมรอยยิ้มที่สดใสกับบ้านหลังใหม่