โดย หทัยรัตน์ ดีประเสริฐ
“ทำความดีโดยไม่มีเงื่อนไข ช่วยเหลือผู้อื่นด้วยใจ โดยไม่หวังผลตอบแทน” คือ คำขวัญของอาสาสมัครโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า (อส.รพ.)
น.พ.ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล ผอ.รพ.พระนั่งเกล้า ยึดเป็นหลักในการทำงานอาสาสมัคร หลังจากที่ น.พ.อุทัย สุภาพ ริเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 13 มกราคม 2540 ขณะนั้นมีผู้ป่วยมาใช้บริการมาก เจ้าหน้าที่ไม่สามารถให้บริการได้อย่างทั่วถึง
การมีบุคคลภายนอกที่ต้องการบำเพ็ญประโยชน์แก่ผู้ที่ทนทุกข์ทรมานตามความ สามารถและเวลาที่จะอำนวยได้ โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น 20 คน ทั้งนักเรียน นักศึกษา ผู้สูงอายุหลากหลายอาชีพ ทั้งครู แม่บ้าน แอร์โฮสเตส ช่างไม้ ปฏิบัติหน้าที่งานห้องบัตร หน่วยรังสีวิทยา หน่วยงานพยาธิคลินิก จึงช่วยเติมเต็มในส่วนที่ขาดได้ จาก 20 คนในครั้งแรก เพิ่มขึ้นเป็น 87 คนในปัจจุบัน อายุมากสุด 79 ปี น้อยสุด 26 ปี วุฒิการศึกษาสูงสุดปริญญาตรี ต่ำสุด ป.6 ภูมิลำเนาส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ จ.นนทบุรี
พ.ท.สรศักดิ์ รอดโต ประธาน อส.รพ.ที่อ่านนิตยสารหมอชาวบ้าน ฉบับที่ 1 ปีที่ 1 เดือนพฤษภาคม 2522 ทำให้ได้ข้อมูลว่า คนที่เขียนบทความหนังสือหมอชาวบ้านไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ จุดประกายให้เขาอยากเป็นอาสาสมัคร บอกว่าคนที่จะมาเป็น อส.รพ.สิ่งแรกที่ต้องเตรียม คือ ใจ เพราะถ้าใจมีแต่ให้แล้ว จะทำให้การทำงานของ อส.รพ.มีศักยภาพและมีความสุข เช่นเดียวกับ คุณลุงสกล กุลประดิษฐ์ ที่มาเป็น อส.รพ.เพราะเคยมานอนรักษาตัวที่ รพ.พระนั่งเกล้า หลายเดือน เห็นผู้ป่วยที่อยู่โรงพยาบาลนานๆ ผมยาว หน้าตาไม่สดใส จึงตั้งปณิธานว่าถ้าหายป่วยจะมาช่วยตัดผมให้ ตอนนี้ตัดผมผู้ป่วยไปแล้วไม่ต่ำกว่า 1,000 ราย
ทว่า ยังมี อส.รพ.บางคนชอบช่วยเหลือผู้คนโดยไม่หวังผลตอบแทนอยู่แล้ว พอได้รับชักชวนมาก็เต็มใจที่จะทำงานอาสาสมัคร อย่างเช่น คุณลุงไพรัตน์ เทศสวัสดิ์ อายุ 75 ปี อดีตอาจารย์ 3 ระดับ 8 สอนภาษาอังกฤษที่ ร.ร.พาณิชยการธนบุรี ทำงานครบ 8 ปี เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม อาสามานวดรักษาโรค และคลายเครียด โดยก่อนจะมาเป็นอาสาสมัครไปนวดให้ฟรีให้คนที่เล่นกีฬาเป็นประจำ ที่ กสท กระทั่งรองอธิบดีกรมควบคุมโรค “เสรี หงษ์หยก” ชวนมาเป็น อส.รพ.
“บ้านอยู่ซอยช้าง ถนนรัตนาธิเบศร์ ขับรถมาเอง ทำงานสัปดาห์ละ 2 วัน มาตั้งแต่ 6 โมงครึ่ง กลับเที่ยง นวดรายละ 20 นาที วันละ 12 คน นวดรักษาอาการคอเคล็ด ปากเบี้ยว ปวดเมื่อย ไหล่ติด ตาหลับไม่ลง นวดติดต่อกัน 2-3 ครั้ง ก็จะหาย ทางโรงพยาบาลมีอาหารว่าง อาหารกลางวัน ให้พร้อมห้องพักผ่อน ที่เต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ตรวจสุขภาพฟรี ทัศนศึกษานอกสถานที่ปีละ 1 ครั้ง และมีงานเลี้ยงสังสรรค์ 3 เดือนครั้ง แค่นี่ก็เพียงแล้ว เพราะที่ทำทั้งหมดนี้ไม่ได้ต้องการสิ่งตอบแทน แค่เพียงอยากเห็นคนพ้นทุกข์ ตั้งใจว่าจะทำงานไปจนกว่าจะทำไม่ไหว” ลุงไพรัตน์ กล่าว
อีกคนที่มีปณิธานไม่ต่างกัน คือ เฟื่องฟ้า เชื้อสุข สาวโสดวัย 64 ปี อดีตอาจารย์ 2 ระดับ 7 ร.ร.วัดตำหนักใต้ บ้านอยู่สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี แรกๆ มาสมัครชมรมผู้สูงอายุ เพราะไม่อยากอยู่บ้านเฉยๆ ก่อนขยับมาเป็น อส.รพ.ครบ 4 ปีเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา อยู่แผนกห้องแล็บ มีหน้าที่ช่วยเตรียมอุปกรณ์ทุกอย่าง ทั้งเจาะเลือด ตรวจปัสสาวะ หาข้อมูลคนไข้ ทำงานจันทร์-พุธ-ศุกร์ 8 โมงเช้าถึงเที่ยง อีก 2 วันทำงานที่คลินิกสุขภาพผู้สูงอายุ ดูแลสมาชิก 1,600 คน
“บ้านอยู่ซอยเฟื่องฟ้า ตรงข้ามกระทรวงพาณิชย์ บางทีฝนตกน้ำท่วมซอยก็ต้องมา เพราะทุกครั้งที่ได้ทำงานช่วยคนเรามีความสุข ถ้าไม่ได้มาทำงานมันกระวนกระวาย บอกไม่ถูก ต้องได้มาทำงานทุกวัน คิดว่า อาสาสมัครทุกคนก็คิดไม่แตกต่าง” อส.รพ.เฟื่องฟ้า กล่าวด้วยรอยยิ้ม
จะว่าไปแล้ว งานอาสาสมัครที่ได้รับการยอมรับว่ามีขุมพลังจิตอาสาอันยิ่งใหญ่อยู่ที่มูล นิธิพุทธฉือจี้ ไต้หวัน ช่วงเวลา 40 ปี มีอาสาสมัครหลายแสนคนทั่วโลก มีจิตใจดี สุภาพอ่อนน้อม ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ให้เกียรติคนอื่น นอบน้อมถ่อมตน ยิ้มแย้มแจ่มใส และเป็นสุขเสมอเมื่อได้บริการ ล่าสุดศูนย์คุณธรรมได้นำผู้บริหารสถาบันการศึกษา 22 แห่ง ไปศึกษาดูงานมาพัฒนางานจิตอาสาในเมืองไทย เนื่องจากงานอาสาสมัครถูกกำหนดเป็นวาระแห่งชาติแล้ว โดยเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2550 คณะรัฐมนตรีมีมติให้ “การให้และการอาสาช่วยเหลือสังคมเป็นวาระแห่งชาติ” เพื่อส่งเสริมและผลักดันความดีที่เป็นรูปธรรมให้เกิดขึ้นเต็มแผ่นดิน ร่วมมือกันทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ สังคม เอกชน
พร้อมทั้งประกาศให้ ปี 2550 “เป็นปีแห่งการให้และการอาสาช่วยเหลือสังคม” เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา พร้อมทั้งอนุญาตให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติงานอาสาสมัครโดยไม่ ถือเป็นวันลา ไม่เกิน 5 วันทำการต่อปี สอดคล้องกับยุทธศาสตร์สังคมอยู่เย็นเป็นสุขด้านสาธารณสุข ที่มีหลักคิดสำคัญว่า “คนไทยไม่ทอดทิ้งกัน คนไทยอยู่ในสังคมเข้มแข็ง คนไทยเป็นคนมีคุณธรรม” ผู้ที่อายุ 18-70 ปี สนใจเป็น อส.รพ.ติดต่อได้ที่โทร.0-2968-1362, 0-2527-0246 ต่อ 1620, 1644 ในเวลาราชการ
ที่มา : นสพ.คมชัดลึก 22 กรกฎาคม 2550