ความสุขของฉัน
เยาวชนจากค่ายผู้ลี้ภัยแม่หละ
ตั้งแต่เล็กจนโตฉันไม่เคยเห็นหน้าพ่อ มีเพียงแต่แม่ที่คอยให้ความรักความอบอุ่นแก่ฉัน ครั้งหนึ่งเมื่อฉันอายุได้ 2 ขวบ ฉันถามแม่ว่า “แม่จ๋าพ่ออยู่ไหน” แม่ตอบฉันว่าพ่อเสียไปตั้งแต่ตอนที่แม่ท้องฉันได้ 7 เดือน น้ำเสียงสั่นเครือของแม่ทำให้ฉันสะเทือนใจจนน้ำตาไหลออกมา ตั้งแต่นั้นมาฉันก็ไม่เคยถามถึงพ่ออีก เพราะรู้ว่าแม่ต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูฉัน ฉันจึงไม่อยากทำให้แม่ไม่สบายใจ
เวลาผ่านมาจนฉันโตขึ้นถึงวัยเข้าเรียน เพื่อน ๆ ของฉันต่างเข้าเรียนในโรงเรียนใกล้หมู่บ้าน ด้วยความสงสัยฉันจึงถามแม่ว่า “แม่จ๋า ฉันอยากเรียนหนังสือ ทำไมแม่ไม่ให้ฉันเรียน” ดวงตาอันเศร้าสร้อยของแม่มองมาที่ฉัน “แม่ไม่มีเงินพอที่จะให้หนูเรียนหนังสือ แม่ต้องหาเช้ากินค่ำอย่างนี้ จะส่งหนูเรียนหนังสือได้อย่างไร” ด้วยความอยากเรียนหนังสือฉันจึงร้องไห้ออกมา แม่ถอนหายใจแล้วบอกว่าบอกว่า “เราอยู่ที่นี่ทำอะไรไม่ได้หรอก พวกทหารพม่าขู่บังคับเก็บภาษีจากเราตั้งมากมาย” ไม่กี่วันกลังจากนั้นแม่ก็เก็บเสื้อผ้าและพาฉันออกเดินทาง
ฉันไม่รู้ว่าเราสองคนแม่ลูกจะเดินทางไปไหน รู้เพียงว่าแม่จะพาไปยังอีกฟากหนึ่งของแม่น้ำ สถานที่ที่เราจะไม่ต้องทนทุกข์จากการข่มเหงของทหารพม่า เราเดินทางมาจนถึงหมู่บ้านชายแดนแห่งหนึ่งริมแม่น้ำเมย แม่ก็เกิดเปลี่ยนใจอยากจะอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้แทนที่จะข้ามไปฝั่งไทย แต่เราอยู่ที่นี่ได้เพียงอาทิตย์กว่า คืนหนึ่งทหารพม่าก็ยกกองกำลังเข้ามาในหมู่บ้าน ด้วยความกลัวเราสองคนแม่ลูกจึงตัดสินใจวิ่งฝ่าความมืดมิด ข้ามแม่น้ำเมยไปยังประเทศไทย
รุ่งเช้าที่ฝั่งไทยเราได้รับความช่วยเหลือจากคนในละแวกนั้น พวกเขาพาเรามาส่งที่ท่าน้ำตรงข้ามกับหมู่บ้านเล่อป่อเฮอ เราสองคนแม่ลูกจึงข้ามกลับมายังฝั่งประเทศพม่าอีกครั้งเพื่ออาศัยในหมู่บ้านแห่งนี้ เมื่อฉันได้รู้ว่าหมูบ้านแห่งนี้กำลังจะก่อตั้งโรงเรียนขึ้น ฉันดีใจมาก และรู้สึกว่าความฝันที่จะได้เรียนหนังสืออยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
ในระยะแรกของการก่อสร้างโรงเรียน ห้องเรียนยังไม่พร้อม พวกเราจึงต้องใช้ร่มไม้ต่างหลังคาบังแดด ใช้ตอไม้ต่างโต๊ะเขียนหนังสือ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็มีความสุขเพราะการได้เรียนคือความฝันสูงสุดของฉัน เราใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่หมู่บ้านแห่งนี้จะถึงปี 2552 ในที่สุดกองกำลังผสมระหว่างดีเคบีเอ*และทหารพม่าก็เข้ามายึดโรงเรียนของฉัน พวกเราจึงต้องลี้ภัยมายังประเทศไทย
ตอนนี้ฉันเรียนเกรด 7 (มัธยมศึกษาปีที่ 1) ในโรงเรียนแห่งหนึ่งในค่ายผู้ลี้ภัยแม่หละ แม้จะต้องผ่านการเดินทางลี้ภัยเพื่อเอาชีวิตรอดมาหลายครั้ง แต่ความสุขของฉันก็กลับมาเมื่อได้เรียนหนังสือ ฉันคิดอยู่เสมอว่าการเมื่อเรียนจบจะได้ทำงานแบ่งเบาภาระแม่ ในที่สุดแม่ก็จะได้หยุดงานให้ฉันได้ดูแลท่านเหมือนกับที่ท่านดูแลฉันอย่างดีตลอดมา
——————
* ดีเคบีเอ หรือ กองกำลังกะเหรี่ยงประชาธิปไตยพุทธ (Democratic Karen Buddhist Army – DKBA) แยกตัวออกจาก สหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (The Karen National Union – KNU) เนื่องจากความขัดแย้งภายใน ดีเคบีเอได้รับมอบอาณาเขตพื้นที่ส่วนหนึ่งให้ปกครองตนเอง เป็นการแลกเปลี่ยนในการร่วมมือกับรัฐบาลทหารพม่าทำสงครามกับ เคเอ็นยู และกองกำลังชาติพันธุ์กลุ่มอื่นในพม่า
—
ศูนย์ข้อมูลริมขอบแดน มูลนิธิเพื่อนไร้พรมแดน
ตู้ปณ.180 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ อ.เมือง
จ.เชียงใหม่ 50202
โทรศัพท์ 053-805-298
โทรสาร 053-805-298
E-mail
borders@chmai2.loxinfo.co.th
http://www.friends-without-borders.org/